คาดไม่ถึงกันใช่ไหมคะว่า “น้ำปลา” จะต้องมีบทความแนะนำกันด้วย แต่ตามที่เราทราบกันดีว่าทุกวันนี้มีน้ำปลามากมายหลายยี่ห้อหลายสูตรเหลือเกิน ซึ่งแต่ละรุ่นมีรสชาติ กลิ่น และสีที่แตกต่างกันไป ทำให้รสชาติของอาหารที่ถูกปรุงมีเสน่ห์ต่างกันไปด้วย ยิ่งถ้าใครปรุงเมนูที่ต้องใช้น้ำปลาเป็นหลัก เช่น น้ำปลาพริก, ปลาทอดน้ำปลา หรือไก่ต้มน้ำปลาด้วยแล้ว การเลือกน้ำปลายิ่งเป็นสิ่งสำคัญเลยค่ะ
เมื่อรู้จักวิธีการเลือกกันไปแล้ว อีกหนึ่งหัวข้อที่นักปรุงทุกคนอยากรู้ คือ รีวิวสินค้า ผู้เขียนเลยรวบรวมข้อมูลของน้ำปลาแต่ละยี่ห้อ รวมทั้งราคาและรีวิวเพื่อจัดเป็น “10 อันดับสินค้ายอดฮิตขายดี” มาให้เพื่อน ๆ ได้อ่านกันค่ะ จะน่าสนใจสักแค่ไหน ไปอ่านกันเลย
หลายคนคงไม่ค่อยใส่ใจวิธีการเลือกกันสักเท่าไร ขอแค่ราคาถูกและปริมาณเยอะก็พอ เพราะแค่ใช้ปรุงอาหารนิด ๆ หน่อย ๆ แต่ถ้าใครอยากเพิ่มความอร่อยมากขึ้น แนะนำให้รีบมาอ่านเนื้อหาด้านล่างนี้เลยค่ะ
เมื่อพูดถึงโรงงานน้ำปลาที่มีชื่อเสียงส่วนมากก็จะตั้งอยู่ในภาคตะวันออกของประเทศ ได้แก่ จังหวัดระยอง, สมุทรสงคราม, ชลบุรี เนื่องจากเป็นพื้นที่ใกล้ชายฝั่งทะเล สามารถจับปลากะตักหรือปลาไส้ตันชั้นดีที่มีคุณภาพได้เป็นจำนวนมาก อีกทั้งในพื้นที่ยังมีเขตนิคมอุตสาหกรรมอยู่หลายแห่งทำให้สะดวกต่อการตั้งโรงงาน หาวัตถุดิบได้ง่าย และที่สำคัญยังใกล้กับกรุงเทพมหาคร ทำให้การขนส่งเพื่อกระจายไปยังภูมิภาคต่าง ๆ ได้อย่างง่ายดาย
ตามที่เราได้เกริ่นไปแล้วว่าน้ำปลาแต่ละสูตรมีวัตถุดิบและอัตราส่วนที่ไม่เหมือนกัน สี กลิ่น และรสชาติจึงแตกต่างกันไปด้วย ทำให้เหมาะกับการทำอาหารที่แตกต่างกัน ซึ่งถ้าใครแค่ต้องการซื้อไปปรุงอาหารเล็ก ๆ น้อย ๆ สำหรับทานเองที่บ้านให้เลือกรุ่นที่มีอัตราส่วนของปลาระหว่าง 60%-70% ก็ได้ค่ะ เพราะมีราคาที่ย่อมเยากว่า ส่วนใครที่ใช้เพื่อปรุงเมนูอาหารที่มีน้ำปลาเป็นตัวชูโรง แนะนำให้เลือกรุ่นที่อัตราส่วนของปลาเกิน 70% ขึ้นไปดีที่สุดค่ะ เพราะจะให้เอกลักษณ์ของรสชาติที่เด่นชัดกว่า
อย่างไรก็ตาม อย่าลืมคำนึงว่าบางสูตรก็ผสมน้ำตาลเพื่อเพิ่มความละมุน หรือสารเติมแต่งอื่น ๆ ด้วยนะคะ ก่อนการซื้อจึงควรอ่านรีวิวรุ่นนั้น ๆ เสียก่อนว่ามีรสชาติตรงตามความชอบและเหมาะกับลักษณะการทำอาหารของเราไหม เวลาซื้อมาจะได้ไม่พลาด
บางคนชอบคิดอย่างเดียวว่าของที่คุ้มค่าจะต้องมีปริมาณเยอะ แต่ต้องคำนึงว่าเราใช้น้ำปลาบ่อยมากแค่ไหน และแต่ละครั้งใช้มากน้อยเท่าไรด้วยนะคะ เพราะตามธรรมชาติถ้าเปิดขวดแล้วไม่ได้ใช้เป็นเวลานาน จะทำให้สภาพของน้ำปลาเปลี่ยนไป กลิ่นจะยิ่งฉุนและรสจะยิ่งเค็ม ความกลมกล่อมก็จะหายไป เพื่อน ๆ จึงควรเลือกรุ่นที่มีปริมาณสัมพันธ์กับการใช้งานดีกว่านะคะ
เคล็ดลับการยืดอายุน้ำปลา : แช่ตู้เย็นหลังจากเปิดขวดเรียบร้อยแล้ว เพื่อชะลอกระบวนการหมัก
อาหารจะมีความอร่อยต้องมีเครื่องปรุงรสที่ดีด้วยใช่ไหมคะ ซึ่งนอกจากบทความน้ำปลาแล้ว ทีมงานมายเบทส์ยังมีบทความเกี่ยวกับเครื่องปรุงรสคู่ครัวคนไทยชนิดอื่น ๆ มาฝากด้วยค่ะ สำหรับคนที่สนใจต้องการทราบเคล็ดลับและวิธีการเลือกสินค้าเพิ่มเติม สามารถติดตามได้จากบทความต่อไปนี้เลยค่ะ
และแล้วก็ถึงเวลาที่ทุกคนรอคอย ว่าแล้วก็อย่ารอช้า รีบไปอ่านกันเลยดีกว่าค่ะ แต่อย่าลืมนะคะ เลือกสูตรที่เหมาะกับความชอบของเรา มากกว่าจะยึดติดกับอันดับสินค้า
เริ่มต้นกันด้วยแบรนด์ที่หลายคนคุ้นเคยกันดี แต่น้อยคนที่จะรู้ว่าเขามีน้ำปลาหลายสูตรเลยนะจ๊ะ โดยรุ่นนี้เป็นแบบ “คุณภาพชั้น 2” ผลิตจากปลากะตักปริมาณ 60% ผสมกับเกลือ, น้ำเกลือ อีก 35.5% และน้ำตาล 4.5% นาน 12 เดือน มีไซซ์ให้เลือกซื้อเพียงแค่ขนาดเดียว แต่ด้วยราคาที่ค่อนข้างถูก ทำให้แม่ค้ารวมไปถึงครัวเรือนหลายบ้านเลือกใช้ สีน้ำปลาน้ำตาลทองใส ดูแล้วสวยงามน่ารับประทาน แต่กลิ่นหอมฉุนรุนแรงและรสชาติเค็มเข้ม ไม่ละมุนลิ้น ปรุงอาหารแล้วรสค่อนข้างโดด เหมาะกับคนที่ต้องปรุงอาหารจำนวนเยอะ ๆ เพราะใช้นิดเดียวก็ออกรสแล้ว
ก่อนอื่นหลายคนอาจจะสงสัยว่าต้องบอกรสชาติด้วยหรอ แต่ถ้าใครสังเกตล่ะก็ น้ำปลาตรานี้มี 2 รสชาติด้วยกันนะจ๊ะ ระวังซื้อผิดขวดเอาได้ โดยรุ่นนี้ได้จากการหมักปลาไส้ตัน (ปลากะตัก) 70% กับเกลือและน้ำตาลรวม 30% ปัจจุบันมีให้เลือกหลายไซซ์ ตอบโจทย์ทุกความต้องการของนักปรุง ตัวน้ำปลามีสีน้ำตาลทองออกเข้มที่ให้กลิ่นฉุนและรสเค็มแหลม เวลาปรุงอาหารใส่ไม่ต้องเยอะก็ออกรสแล้วค่ะ แต่ไม่เหมาะจะนำไปปรุงรสชูโรง อย่างไรก็ตามเมื่อเทียบกับราคาและคุณภาพแล้ว ยังถือว่าน่าสนใจทีเดียวค่ะ
อีกหนึ่งยี่ห้อที่ได้รับความนิยม ผลิตมาจากปลาไส้ตัน 70% ผสมกับเกลือ, น้ำเกลือ 29% และน้ำตาล 1% หมักนานกว่า 2 ปี จนได้น้ำปลาสีน้ำตาลทองที่ใสและน่ารับประทาน ก่อนจะถูกบรรจุในขวดแก้ว ซึ่งมีหลายไซซ์ให้เลือกซื้อ เหมาะกับการใช้ในครัวเรือน รุุ่นนี้มีกลิ่นที่ไม่ฉุนรุนแรงมาก ออกละมุนชวนให้อาหารน่ารับประทานมากขึ้น มาพร้อมกับรสชาติที่เค็มกลาง ๆ ไม่เข้มโดดหรืออ่อนจนเกินไป
อีกหนึ่งรุ่นที่คนไทยคุ้นเคยไม่แพ้กัน แต่ก่อนจะไปทำความรู้จักกับเขา ต้องบอกก่อนว่าแบรนด์นี้มีน้ำปลาหลายสูตรนะคะ ระวังจะซื้อผิดเอาได้ โดยรุ่นนี้จะผลิตจากปลาไส้ตัน (ปลากะตัก) 70% ผสมกับเกลือ 27% และน้ำตาลอีก 3% นานถึง 18 เดือน ได้น้ำปลาสีน้ำตาลทองและค่อนข้างใส ถูกบรรจุมาทั้งในขวดแก้วและขวดพลาสติก นอกจากนี้ยังมีหลายไซซ์ให้เลือกซื้อ กลิ่นน้ำปลาหอมเข้ม แต่ไม่ฉุนจนเกินไป ช่วยเพิ่มความน่ารับประทานให้กับอาหาร ให้รสเค็มเข้มข้น สัมผัสอบอวลติดลิ้นไม่จางหาย ถือเป็นอีกรุ่นที่ครองใจคนไทยหลายคนเลยค่ะ
ต้องบอกก่อนว่าตรานี้เขามีน้ำปลาอยู่ 2 สูตรด้วยกันนะคะ โดยสูตรนี้จะเป็นสูตรพรีเมี่ยม หมักจากปลาไส้ตัน 75% ผสมเกลือ 24% และน้ำตาล 1% นานถึง 18 เดือน จึงอุดมไปด้วยโปรตีนมากถึง 21-22% นอกจากนี้ยังมีหลายไซซ์ให้เลือกซื้อ เหมาะกับการใช้ในครัวเรือนหรือตามร้านอาหารที่ปรุงเมนูที่มีน้ำปลาเป็นพระเอกหลัก เห็นสีดูใส ๆ แบบนี้ แต่รสชาติไม่ธรรมดาเลยนะคะ หลายคนที่ซื้อไปต่างบอกว่าเค็มกลมกล่อม อร่อยจนหยุดทานไม่ได้ แถมกลิ่นยังหอมละมุน ไม่ฉุนจนเหม็นติดมือ แต่กลับยิ่งทำให้กลิ่นอาหารน่ารับประทานมากขึ้น
แม้ว่าจะมีรูปลักษณ์ที่ดูสวยหรูและราคาที่แพงสักนิดนึง แต่คุณภาพของเขาคับขวดจริง ๆ ค่ะ เพราะหมักปลาไส้ตันสด ๆ ปริมาณ 70% คลุกเคล้ากับเกลือทะเล 27% และเติมน้ำตาล 3% เพื่อรสชาติที่กลมกล่อม โดยหมักนานถึง 2 ปี ก่อนจะถูกบรรจุลงในขวดแก้วดีไซน์สวย ยิ่งเพิ่มความน่าใช้ นอกจากนี้ยังมีหลายไซซ์ให้เลือกซื้ออีกด้วย น้ำปลาสีน้ำตาลทองค่อนข้างเข้ม กลิ่นละมุนอ่อน ๆ ชวนน่ารับประทาน และรสชาติเค็มกลมกล่อม ติดรสหวานปลาย ๆ จนหลายคนติดอกติดใจ ที่สำคัญไม่มีส่วนผสมของสารปรุงแต่ง แนะนำให้ซื้อติดบ้านไว้เลยค่ะเพื่อน ๆ
น้ำปลาสูตรนี้หมักปลาไส้ตันปริมาณ 66% คลุกเคล้ากับเกลือ 29% และเพิ่มความอร่อยด้วยน้ำตาล 5% โดยปราศจากสารแต่งสี, สารกันบูด, ผงชูรส และสาร 3-MPCD พร้อมถูกควบคุมการผลิตตามมาตรฐานสากล GMP, HACCP และ BRC เพื่อน ๆ จึงมั่นใจได้ว่าจะปลอดภัยต่อสุขภาพ นอกจากนี้ยังมีแพ็กเกจและขนาดให้เลือกหลากหลาย ตอบโจทย์ได้ทุกคนเลยค่ะ น้ำปลาสีน้ำตาลทอง ใสสวยงาม มีกลิ่นหอมละมุนและรสชาติเข้มข้น ช่วยเพิ่มรสชาติอาหารให้กลมกล่อมมากขึ้น เหมาะกับการใช้ในครัวเรือนหรือตามร้านอาหาร
สำหรับแบรนด์นี้เรียกได้ว่าเมื่อก่อนถ้าใครไประยองแล้วไม่ซื้อติดไม้ติดมือมาบ้าง ถือว่าเสียเที่ยวแย่ค่ะ เพราะเป็นหนึ่งในของขึ้นชื่อของที่นั่น โดยทำมาจากปลากะตักสด ๆ มากถึง 76% คลุกเคล้ากับเกลือ 23% และเสริมรสหวานนิด ๆ ด้วยน้ำตาล 1% หมักด้วยวิธีธรรมชาติ ซึ่งผ่านการควบคุมตามมาตรฐานสากลอย่าง GMP, HACCP และ BRC อุดมไปด้วยโปรตีน 16% และกรดอะมิโนที่จำเป็นต่อร่างกาย น้ำปลาสีออกน้ำตาลแดงอมทอง ค่อนข้างใส มีกลิ่นหอมละมุนชวนรับประทาน รสชาติอร่อยกลมกล่อม ออกเค็มปนหวานนิด ๆ ทานแล้วละมุนลิ้น แค่คลุกกับข้าวสวยร้อน ๆ ก็สามารถเพิ่มความอร่อยให้กับมื้ออาหารของคุณได้
สายสุขภาพต้องโดนเพราะเป็นสูตรลดโซเดียม 40% ซึ่งได้รับการวิจัยมาจากสถาบันโภชนาการ มหาวิทยาลัยมหิดล ช่วยลดความเสี่ยงการเกิดโรคต่าง ๆ เช่น โรคไตและความดันโลหิตสูง โดยผลิตจากปลากะตักเกรดพรีเมี่ยม คลุกเคล้ากับเกลือโปแตสเซียม (เกลือชนิดเดียวกับที่พบในในผักและผลไม้) ก่อนจะถูกบรรจุในขวดแก้วดีไซน์กิ๊บเก๋น่าใช้ ปัจจุบันมีขนาดเดียวให้เลือกซื้อ หลายคนที่ซื้อไปต่างชื่นชอบในกลิ่นที่หอมน่ารับประทาน รสชาติไม่เค็มโดดแต่กลมกล่อม ปรุงอาหารได้อร่อยยิ่งขึ้น แถมยังช่วยดูแลสุขภาพได้อีกด้วย แนะนำให้ซื้อติดบ้านไว้สักขวดสองขวดเลยค่ะ
มาถึงอันดับ 1 ของเรา แน่นอนว่าถ้าพูดถึงน้ำปลา หนึ่งในยี่ห้อที่ลอยเข้ามาในความคิดของเราเลยคือ ทิพรสนั่นเอง โดยผลิตมาจากปลากะตักสด ๆ 65% เพิ่มรสชาติด้วยเกลือ 30.5% และน้ำตาล 5% หมักนาน 12 เดือน ก่อนจะถูกบรรจุลงในขวดหลายขนาด ทั้งทำมาจากพลาสติกและขวดแก้ว ตอบโจทย์ทุกความต้องการของคนไทย รุ่นนี้มีสีน้ำตาลแดงอมทอง ใสกำลังพอดี กลิ่นละมุนปานกลางและรสชาติเค็มกลมกล่อมในระดับหนึ่ง ปรุงอาหารแล้วช่วยให้น่ารับประทานมากขึ้น ถือเป็นรุ่นที่อยู่คู่ครัวไทยมานาน
เห็นธรรมดา ๆ แบบนี้ แต่หลายคนอาจจะยังไม่รู้จักน้ำปลากันดีก็ได้นะคะ โดยเครื่องปรุงชนิดนี้นอกจากจะได้จากการหมักปลาตัวเล็กกับเกลือแล้ว ยังได้มาจากสัตว์น้ำตัวเล็กอื่น ๆ อีกด้วยนะคะ เช่น กุ้ง, หอย, ปลาหมึก เป็นต้น ส่วนมากจะใช้เวลาหมักประมาณ 6 เดือนถึง 2 ปี ซึ่งความแตกต่างเหล่านี้เองที่ทำให้สี รสชาติและกลิ่นแตกต่างกันออกไป โดยน้ำปลาแท้เป็นชนิดที่มีคุณสมบัติทั้ง 3 ข้อโดดเด่นที่สุดค่ะ จึงเป็นที่มาว่าทำไมใคร ๆ ถึงเรียกหา “น้ำปลาแท้” นั่นเอง
น้ำปลาเป็นเครื่องปรุงที่รวมสารอาหารที่จำเป็นต่อร่างกาย อันได้แก่ กรดอะมิโน โปรตีน ฯลฯ ในขณะเดียวกันถ้าได้รับในปริมาณมากเกินปกติก็อาจส่งผลให้ไตทำงานหนักหรือมีความดันโลหิตสูงได้เช่นกันค่ะ
หลังจากจบบทความนี้หลายคนคงทึ่งกับ “น้ำปลา” ไม่น้อย เพราะไม่น่าเชื่อว่าซอสปรุงรสที่เราคุ้นเคยกันดีจนไม่เห็นความสำคัญขวดนี้จะมีอะไรมากกว่าที่เราคิด และความแตกต่างกันเพียงเล็ก ๆ น้อย ๆ เหล่านี้เองที่สร้างรสชาติที่แตกต่างกันออกไป ดังนั้นก่อนการเลือกซื้อ เพื่อน ๆ จึงอย่าลืมดูส่วนผสม, อัตราส่วนและปริมาณของน้ำปลากันด้วยนะคะ เพื่อให้ใช้ปรุงอาหารได้คุ้มค่าและรสชาติของอาหารที่ถูกปากมากขึ้น
สำหรับวันนี้ผู้เขียนคงต้องลากันไปก่อน รู้สึกท้องร้องอยากทานไข่ต้มยางมะตูมเยิ้ม ๆ กับน้ำปลาพริก บีบมะนาวนิด ใส่พริกขี้หนูหน่อยซะแล้วค่ะ ไว้พบกันใหม่โอกาสหน้านะคะ