“ลำโพงไร้สาย” ไอเทมที่สามารถเล่นไฟล์เสียงจากอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ต่าง ๆ ผ่าน Wifi, Bluetooth หรือเทคโนโลยีเชื่อมต่ออื่น ๆ ทำให้การฟังเพลงของคุณไม่จำกัดอยู่แค่เพียงที่ใดที่หนึ่ง เพราะคุณสามารถพกพามันไปใช้นอกสถานที่ไม่ว่าจะเป็นในห้องครัวขณะคุณทำอาหารหรือที่ลานกว้างขณะคุณซ้อมเต้น อย่างไรก็ตามปัญหาส่วนใหญ่ของคนที่กำลังตัดสินใจซื้อ คือ ไม่รู้ว่าจะเลือกอย่างไรและไม่ค่อยมีบทความแนะนำสินค้าที่น่าสนใจให้เลือกอ่าน ทำให้มีโอกาสที่จะพลาดซื้อรุ่นที่ไม่มีคุณภาพหรือไม่เหมาะกับการใช้งานของตัวเองสูง ในวันนี้ผู้เขียนจึงรวบรวมเนื้อหาที่เป็นประโยชน์มาให้อ่านกันแล้วค่ะ
ในส่วนแรกผู้เขียนจะขออธิบาย “วิธีการเลือก” ซึ่งได้รับคำแนะนำมาจากผู้เชี่ยวชาญชาวญี่ปุ่น เพื่อให้ทุกคนได้เข้าใจคุณสมบัติของลำโพงไร้สายกันมากขึ้น และในส่วนที่สอง ผู้เขียนได้รวบรวมข้อมูลของสินค้าที่น่าสนใจแล้วนำมาเปรียบเทียบทั้งราคา, คุณสมบัติและรีวิว เพื่อจัดอันดับ “10 อันดับสินค้ายอดฮิตขายดี” เกริ่นมาแค่นี้ก็น่าสนใจแล้วใช่ไหมเอ่ย ว่าแล้วก็อย่ารอช้าเลยค่ะ รีบไปอ่านกันเลยดีกว่า
แน่นอนว่าเราไม่มีทางได้สินค้าที่มีคุณภาพและเหมาะกับการใช้งานของเรา หากเรายังไม่รู้ถึงคุณสมบัติทั้งหมดของผลิตภัณฑ์เสียก่อน ดังนั้น “วิธีการเลือก” จึงเป็นสิ่งสำคัญที่เพื่อน ๆ ควรศึกษาก่อนจะซื้อนะคะ
หลายคนมักเข้าใจว่าคุณภาพเสียงหมายถึงการที่ลำโพงมีเสียงดังคมชัดไม่แตก แต่ในความเป็นจริงแล้วมีสิ่งที่ต้องคำนึงมากกว่านั้นอีกนะคะ ยกตัวอย่างเช่น ย่านความถี่ของคลื่นเสียง (Range), ตัวกลางที่ทำให้ระบบเล่นไฟล์เสียงต่าง ๆ ได้ (Codec), จำนวนของลำโพง ซึ่งจะมีรายละเอียดอย่างไรบ้าง ตามอ่านได้จากด้านล่างนี้เลยค่ะ
ความถี่ของเสียงสามารถแบ่งออกได้เป็น 3 ย่าน คือ ย่านเสียงต่ำ (เสียงเบส), ย่านเสียงกลางและย่านเสียงสูง ซึ่งแต่ละรุ่นจะมี Range ของเสียง (ย่านความถี่ของคลื่นเสียง) ที่สามารถเล่นได้ครอบคลุมไม่เท่ากัน เพื่อน ๆ จึงควรเลือกลำโพงรุ่นที่ครอบคลุมย่านเสียงตามความชอบของตัวเอง โดยสรุปให้เข้าใจง่ายได้ตามนี้เลยค่ะ
ย่านเสียงต่ำ (เสียงเบส) : เหมาะกับการเล่นดนตรี Rock และ Hip Hop เครื่องดนตรีส่วนใหญ่ที่ใช้บรรเลงจะมีเสียงทุ้ม เช่น เบสหรือกลองชุด
ย่านเสียงกลาง : เหมาะกับการเล่นดนตรีคลาสสิคและดนตรีป๊อบ เช่น เสียงของนักร้อง เสียงกีต้าร์
ย่านเสียงสูง : เหมาะกับการเล่นดนตรีคลาสสิค เช่นเสียงฉาบ ทรัมเปต แซ็กโซโฟน ไวโอลิน
ดังนั้นความเข้าใจที่ว่าลำโพงที่ดีควรมีเสียงเบสหนักแน่นจึงไม่ใช่คำตอบสำหรับทุกคนนะคะ ต้องดูแนวเพลงที่เราชื่นชอบด้วย
จำนวนและขนาดลำโพงก็เป็นอีกหนึ่งสิ่งสำคัญที่มีผลต่อคุณภาพเสียง หากต้องการลำโพงขนาดเล็ก ให้เลือกที่มี Passive Radiator มาในตัวเพื่อช่วยเพิ่มคุณภาพของเสียงทุ้ม ถ้าเป็นลำโพงที่มีขนาดกลาง ให้เลือกที่เล่น Range เสียงได้กว้าง ตั้งแต่ความถี่สูงไปจนถึงต่ำ (Full Range)
นอกจากนี้ยังมีลำโพงคุณภาพสูง ที่มักมาพร้อมดอกลำโพง 2-3 ทาง ทางหนึ่งสำหรับเล่นเสียงที่มีความถี่ต่ำ ในขณะที่อีกทางสำหรับเล่นเสียงที่มีความถี่สูง เมื่อรวมกันแล้วจึงได้คุณภาพเสียงที่มีความละเอียด ช่วยเพิ่มสุนทรียภาพในการฟัง
ก่อนอื่นมาทำความรู้จัก Codec กันก่อนดีกว่า เจ้าชิ้นส่วนนี้จะทำหน้าที่บีบอัดไฟล์เสียงเพื่อส่งผ่านระหว่างอุปกรณ์หนึ่งไปยังอีกอุปกรณ์หนึ่ง ซึ่งมีด้วยกันอยู่หลายชนิด ขึ้นอยู่กับความสามารถในการเพิ่มคุณภาพโทนเสียง โดยจะเรียงจากน้อยไปมาก ดังนี้ SBC ⇒ AAC ⇒ apt – X ⇒ LSDC ⇒ apt – X HD
SBC : ได้คุณภาพเสียงทั่วไป ลำโพงส่วนใหญ่มักจะใช้ Codec ชนิดนี้
AAC : iPhone นิยมใช้
apt-X : อุปกรณ์ที่มีระบบปฏิบัติการ Android นิยมใช้
LSDC : ผลิตภัณฑ์จากแบรนด์เครื่องเสียงชั้นนำ เช่น Sony นิยมใช้
apt-X HD : ได้คุณภาพเสียงระดับสูง ต่อยอดจาก apt-X เดิม
นอกจากนี้อย่าลืมเช็คขนาดของไฟล์เสียงที่สามารถส่งได้และความสอดคล้องของการทำงานระหว่าง Music Player และมือถือที่ใช้สั่งการด้วยนะคะว่าใช้ Codec เดียวกันไหม
ระบบเสียงมีอยู่ 2 ประเภทใหญ่ ๆ ได้แก่ แบบ Stereo ที่หลายคนคุ้นหู และแบบ Mono ธรรมดา โดยแต่ละแบบแยกตามลักษณะการใช้งานได้ดังนี้
ใช้เพื่อฟังดนตรี : เลือกลำโพงระบบเสียง Stereo เพราะขยายเสียงออกทั้ง 2 ช่องทางได้อย่างคมชัด ทำให้ผู้ฟังทราบถึงมิติของเสียง คล้ายกับว่าเรากำลังฟังการแสดงสดอยู่ ณ ขณะนั้น
ใช้เพื่อดูโทรทัศน์, วิทยุ, เรียนภาษา หรือเสียงใดก็ได้ที่มีลักษณะคล้ายกับการพูด : เลือกแค่ระบบ Mono ก็เพียงพอแล้ว ซึ่งระบบนี้จะมีช่องทางเสียงแค่ 1 ช่องเท่านั้น เป็นระบบพื้นฐานที่เหมาะกับคนที่ไม่ต้องการอรรถรสในการฟังมาก
Output หรือกำลังวัตต์ของลำโพงที่ปล่อยออกมา คือ กำลังของเสียงที่ถูกปล่อยออกมาในหนึ่งหน่วยเวลา และเมื่อแผ่กระจายออกไปรอบทิศทางเป็นพื้นที่ผิวทรงกลม ยิ่งห่างออกไปกำลังเสียงก็จะลดลงเรื่อย ๆ ทำให้เราได้ยินเบาลง ดังนั้นการคำนึงจุดนี้ก่อนซื้อจึงเป็นเรื่องสำคัญ
ใช้ลำโพงตั้งกับโต๊ะทำงาน/พื้นที่เล็ก ๆ : Output 1 วัตต์ ก็เพียงพอ
ใช้ในรถยนต์/ห้องนอน : Output 5-15 วัตต์
ใช้ในห้องขนาดใหญ่/นอกสถานที่ : Output ควรมากกว่า 20 วัตต์
อย่างไรก็ตามตัวเลขของ Output ยิ่งน้อยเท่าไร ก็จะได้ย่านความถี่ต่ำน้อยเท่านั้น ดังนั้นใครที่ชอบฟังเพลงบีทหนัก ๆแนะนำว่าอย่าเลือกรุ่นที่ Output น้อยจนเกินไปนะคะ
ตามที่เราได้เกริ่นไป ลำโพงไร้สายสามารถเชื่อมต่อได้หลายวิธี เช่น Wifi, บลูทูธ หรือ AirPlay ซึ่งแต่ละวิธีมีข้อดี-ข้อเสียและเหมาะกับการใช้งานที่แตกต่างกัน ก่อนการซื้อเพื่อนอย่าลืมศึกษาปัจจัยนี้ให้ดี
ลักษณะการทำงานของ Wifi คือการกระจายสัญญาณอินเตอร์เน็ตออกไปเป็นวงกว้าง โดยไม่จำกัดจำนวนอุปกรณ์ที่มาเชื่อมต่อกับเครือข่าย ทำให้อุปกรณ์หลายชิ้นสามารถเชื่อมต่อกับลำโพงได้ เช่น คอมพิวเตอร์ส่วนตัว, แท็บเล็ต, สมาร์ทโฟน, Music Players ฯลฯ นอกจากนี้ระยะการเชื่อมต่อยังค่อนข้างไกล ทำให้ไม่จำเป็นต้องวางลำโพงติดกับตัวส่งสัญญาณตลอดเวลา ทั้งยังมีข้อดีที่คุณภาพเสียงเสียหายน้อยอีกด้วย
สำหรับใครที่สงสัยว่า ใช้สมาร์ทโฟนเชื่อมต่อกับลำโพงอย่างนี้แล้วเวลามีสายเข้าจะรับได้หรอ คำตอบคือรับได้นะจ๊ะ ดังนั้นจึงเหมาะกับคนที่บ้านใช้ระบบ Smart Home มีลำโพงอยู่ตามจุดต่าง ๆ ของบ้าน
Tip : ถ้าใครอยากได้คุณภาพเสียงที่สูง แนะนำให้เลือกรุ่นที่ซัพพอร์ตไฟล์ FLAC และ DSD ได้ด้วยนะจ๊ะ
ถ้าใครอยากใช้งานลำโพงง่าย ๆ แนะนำให้เลือกรุ่นที่เชื่อมต่อด้วยบลูทูธเลยค่ะ เพราะมีขั้นตอนไม่ยุ่งยาก แถมปัจจุบันแทบทุกอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ก็รองรับระบบนี้กันหมด นอกจากนี้ยังมีระยะการสื่อสารที่ค่อนข้างไกล โดยขึ้นอยู่กับเครื่องส่งสัญญาณ ซึ่งแบ่งออกเป็น 4 ระยะ (Class) ดังนี้
- Class 1 กำลังส่ง 100 มิลลิวัตต์ ระยะประมาณ 100 เมตร
- Class 2 กำลังส่ง 2.5 มิลลิวัตต์ ระยะประมาณ 10 เมตร
- Class 3 กำลังส่ง 1 มิลลิวัตต์ ระยะประมาณ 1 เมตร
- Class 4 กำลังส่ง 0.5 มิลลิวัตต์ ระยะประมาณ 0.5 เมตร
โดยปกติแล้ว Class ของ Smartphone คือ 2 เท่ากับว่าคุณสามารถอยู่ห่างจากลำโพงได้ถึง 10 เมตร ทำให้การใช้งานสะดวกขึ้น อย่างไรก็ตาม เมื่อเทียบกับการเชื่อมต่อด้วย DLNA หรือ AirPlay คุณภาพเสียงที่ได้จะแย่กว่า แต่ไม่ต้องกังวลไปค่ะ เดี๋ยวนี้เขามีเทคโนโลยีเข้ามาช่วยแล้ว เช่น Codec หรือตัวขยายสัญญาณดิจิทัล
เป็นที่รู้กันดีว่าอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ของ Apple มีเทคโนโลยีที่ต่างจากแบรนด์อื่น ซึ่งปกติแล้วจะเข้ากับระบบอื่น ๆ ไม่ได้ เช่นเดียวกับลำโพงค่ะ เพราะเทคโนโลยี AirPlay สามารถเชื่อมต่อระหว่างอุปกรณ์ Apple ด้วยกันเท่านั้น และเล่นได้แค่เฉพาะไฟล์เสียงบน iTunes อย่างไรก็ตามแม้จะดูมีข้อจำกัดเยอะ แต่เมื่อเทียบกับคุณภาพเสียงที่แทบจะไม่เสียหายเลยก็ถือเป็นอีกทางเลือกที่น่าสนใจนะคะ
DLNA มีชื่อเต็มว่า Digital Living Network Alliance คือ เทคโนโลยีที่เชื่อมต่ออุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ภายในบ้าน ทำให้ทั้งคอมพิวเตอร์ Smartphone ทีวี กล้องดิจิทัล เครื่องเล่นวีดีโอ ลำโพง และอื่น ๆ ที่รองรับ DLNA สามารถแชร์ข้อมูลซึ่งกันและกันได้ เท่ากับว่าคุณสามารถสั่งให้ลำโพงเล่นเสียงจากอุปกรณ์ไหนก็ได้และจากที่ใดก็ได้ในบ้าน
นอกจากนี้คุณภาพของเสียงยังค่อนข้างดี อย่างไรก็ตาม เทคโนโลยีนี้ยังมีปัญหาอยู่บ้างนะคะ เพราะไม่รองรับทุกไฟล์เสียง ก่อนการซื้อเพื่อน ๆ จึงควรเช็คจุดนี้ด้วย
NFC คือ เทคโนโลยีที่ใช้เชื่อมต่อระหว่างอุปกรณ์หนึ่งกับอีกอุปกรณ์หนึ่งเช่นเดียวกับบลูทูธค่ะ แต่สามารถเชื่อมต่อกันได้เพียงคู่เดียว และระยะการกระจายสัญญาณน้อยกว่า ดังนั้นคุณจึงต้องวางตัวส่งสัญญาณไว้ใกล้กับลำโพงอยู่ตลอดเวลา อย่างไรก็ตาม ข้อดีของเทคโนโลยีนี้ คือ ใช้งานง่าย ไม่ต้องใส่รหัสใด ๆ ช่วยประหยัดเวลาการเชื่อมต่อและเป็นส่วนตัว จึงเหมาะกับคนที่ใช้ลำโพงไร้สายอยู่เป็นประจำ
เกร็ดน่ารู้ : ควรตรวจสอบให้ดีเสียก่อนว่ารุ่นนั้น ๆ รองรับเทคโนโลยี NFC ไหมนะคะ เพราะบางอุปกรณ์ก็ไม่มีฟังก์ชันนี้
หลายคนมักจะละเลยข้อนี้ไปค่ะ เพราะจะเห็นความสำคัญได้ก็ต่อเมื่อใช้งานจริงเท่านั้น ซึ่งปกติแล้วแบตเตอรี่ที่ถูกชาร์จจนเต็มจะใช้งานอย่างต่อเนื่องได้ราว ๆ 8-10 ชั่วโมง แต่ก็มีบางรุ่นที่พิเศษกว่านั้น สามารถอยู่ได้นานถึง 24 ชั่วโมงเลยค่ะ และสำหรับรุ่นไหนที่ไม่ได้บอกอายุการใช้งานของแบตเตอรี่ แนะนำให้เลือกจาก Output ที่ค่าน้อย ๆ ไว้ก่อนนะคะ เพราะจะกินพลังงานน้อยกว่า
นอกจากนี้อีกหนึ่งสิ่งที่ทุกคนมักลืมกัน คือ “แบตเตอรี่มือถือตัวเอง” เพราะเกิดลำโพงใช้งานได้ตลอดทั้งวัน แต่มือถือชิงแบตฯหมดไปก่อน อย่างนี้ก็เกิดปัญหาอีกแน่ค่ะ ทางที่ดีควรพก Power Bank หรือสายชาร์จแบตไว้ด้วยจะดีกว่า
ใครที่ชอบเปิดลำโพงฟังเพลงในห้องน้ำหรือพกไปฟังที่ริมทะเลหรือแม่น้ำ อย่าลืมเลือกรุ่นที่มีคุณสมบัติกันน้ำที่ได้รับมาตราฐาน IPX7 หรือมากกว่านั้นด้วยนะคะ เพื่อความปลอดภัยเวลาใช้งาน
ส่วนใครที่ชอบพกไปใช้นอกสถานที่ แนะนำให้เลือนรุ่นที่ได้รับมาตราฐาน IP5 เพราะมีคุณสมบัติกันฝุ่นเข้าไปในลำโพง เพื่อป้องกันปัญหาต่าง ๆ ที่จะตามมาในภายหลัง
การเดินทางของผม หลัก ๆ จะเดินทางคนเดียวครับ สิ่งที่จรรโลงใจผมได้ทุกเส้นทางก็มีลำโพงตัวนี้เนี่ยล่ะครับ เพราะเดินทางคนเดียวมันก็จะเงียบ ๆ เหงา ๆ บ้างบางจังหวะ ก็มีเพลงเนี่ยล่ะที่เป็นเพื่อนแก้เหงาให้ผมได้ในระหว่างทาง เลยอยากแนะนำให้เพื่อน ๆ ให้มีติดไว้ แต่ก็อย่าเปิดเสียงดังรบกวนคนอื่นนะครับ
วิธีใช้ก็ง่ายนิดเดียวเปิดเครื่องเชื่อมต่อ บลูทูธกับโทรศัพท์ของเรา แล้วก็เปิดเพลงที่โหลดไว้ได้เลยครับ อีกอย่างลำโพงตัวนี้กันน้ำด้วยนะครับ ความทนทานไม่ต้องพูดถึง ใช้มาปีกว่าแล้วไม่มีปัญหาเลย สำหรับท่านที่มีดนตรีในหัวใจต้องจัดไว้สักตัวครับ ไปกับเราได้ทุกทริปจริง ๆ
ลำดับต่อไป เรามาอ่านข้อมูลของสินค้าที่น่าสนใจและได้รับความไว้วางใจจากผู้ใช้จริงคนอื่น ๆ กันดีกว่าค่ะ เพื่อน ๆ จะได้มีข้อมูลประกอบการตัดสินใจมากขึ้น แต่อย่าลืมนะคะ เลือกโดยใช้ความต้องการของเราเป็นหลัก ควบคู่ไปกับการอ้างอิงจากอันดับสินค้า
ใครที่ใช้อุปกรณ์อิเล็คทรอนิคส์ของ Apple คงจะคุ้นหน้าคุ้นตาแบรนด์นี้ดี เพราะเป็นหนึ่งในแบรนด์ที่ใช้งานร่วมกันได้ โดยรุ่นนี้มีเสียงสเตอริโอระบบ Crossover แบบแอคทีฟ 2 ทิศทาง ช่วยเพิ่มมิติในการฟังเพลง มาพร้อมกับแบตเตอรี่สุดอึดอยู่ได้นานถึง 12 ชั่วโมง นอกจากนี้ยังเชื่อมต่อได้เสถียรผ่านบลูทูธ แถมยังมีหลายสีให้เลือกซื้อ
ข้อดีอีกอย่างที่ถูกใจคนยุคใหม่คือสามารถชาร์จแบตเตอรี่ iPhone ของคุณได้ด้วย เรียกได้ว่าเป็นทั้งแบตฯสำรองยามฉุกเฉินและลำโพงในคราเดียว ข้อเสียคือ ไม่มีเคสสำหรับเก็บมาให้ ทำให้เก็บรักษาไม่สะดวก อย่างไรก็ตาม ถ้าเทียบกับคุณภาพอื่น ๆ แล้ว รุ่นนี้ยังถือว่าน่าสนใจไม่น้อยเลยค่ะ
สำหรับรุ่นนี้ต้องบอกว่าน่าสนใจมากเลยค่ะ เพราะรองรับการเชื่อมต่อหลายวิธีมาก ได้แก่ NFC One-touch, Wifi, บลูทูธเวอร์ชั่น 4.2 และ DLNA พร้อมด้วยคุณภาพเสียงแบบ Extra Bass ที่ช่วยให้เสียงเบสหนักแน่น และรองรับเสียงที่มีความละเอียดสูง ตั้งแต่ช่วงความถี่ 20 Hz – 20,000 Hz นอกจากนี้ยังมีน้ำหนักเบาเพียง 0.79 กก. เท่านั้น
อย่างไรก็ตาม เนื่องจากรุ่นนี้มี Passive Radiator ช่วยขับให้เสียงเบสออกมาทางด้านหลังของลำโพง ส่งผลให้ตำแหน่งการจัดวางมีผลกับเสียง ถ้าวางในตำแหน่งไม่เหมาะสม ความชัดของเสียงเบสอาจไม่เสถียรได้ค่ะ
เป็นอีกรุ่นที่เหมาะกับคนที่รักการฟังเพลงนอกสถานที่ เพราะมีขนาดเล็กและมีสายรัด ทำให้คุณรัดกับจักรยาน กระเป๋าเป้ หรือทุกอย่างที่คุณต้องการได้ ดอกลำโพงมีดีไซน์สุดพิเศษที่มาพร้อมกับ Passive Radiators ซึ่งผลิตจากวัสดุคุณภาพดี ทำให้เสียงใส อีกทั้งยังมีคุณสมบัติกันน้ำและฝุ่นอยู่ในระดับ IPX7 แข็งแรงคงทน ป้องกันรอยกระแทกและขีดข่วน น้ำหนักเบาเพียง 0.43 kg
ผู้ที่ได้ใช้จริงต่างชื่นชอบในคุณภาพเสียง เพราะเพียงแค่เปิดเบา ๆ เสียงเบสก็เด่นชัดและใส ทำให้ฟังแล้วสบายหู รวมไปถึงไมโครโฟนที่ช่วยให้รับหรือปฎิเสธสายเรียกเข้าขณะฟังเพลงได้ นอกจากนี้แบตเตอรี่ยังอยู่ได้นานหลายชั่วโมง
ใครที่ตามหาลำโพงไร้สาย ดีไซน์เรียบหรูและใช้งานง่ายแนะนำให้อ่านข้อมูลของรุ่นนี้เลยค่ะ เพราะด้วยรูปลักษณ์ทรงกระบอกขนาดเล็ก ทำให้ดูทันสมัย อีกทั้งยังใช้งานง่ายด้วยการกดที่ฝาลำโพงลงเพื่อเปิด และหมุนขึ้นลงเพื่อปรับความดังของเสียง โดยใช้การเชื่อมต่อผ่านบลูทูธ เวอร์ชั่น 4.1 มาพร้อมกับไมโครโฟนในตัว ตอบหรือปฏิเสธสายเรียกเข้าได้สะดวก นอกจากนี้แบตเตอรี่ยังมีความจุถึง 1,200 mAh รองรับการใช้งานได้ยาวนานประมาณ 7 ชั่วโมง
สำหรับเสียงของรุ่นนี้ มีเสียงเบสกำลังดี เน้นการใช้งานทั่ว ๆ ไป เหมาะกับการใช้ในห้องนอนหรือพื้นที่ปิดที่ขนาดไม่ใหญ่มาก ในขณะที่ในการเชื่อมต่อระหว่างอุปกรณ์ทำได้ค่อนข้างเร็วและเสถียร ราคาไม่แพง เหมาะกับนักเรียน-นักศึกษา
สำหรับใครที่กำลังมองหาลำโพงไร้สายที่ดีไซน์เก๋ มีหลายสีให้เลือก แนะนำรุ่นนี้เลยค่ะ เพราะมีทั้งหมด 4 สี น้ำหนักเบาเพียง 0.27 กก. มาพร้อมระบบเสียงแบบ Stereo ที่มีความดังสูงสุงถึง 90 dB(A) สามารถเล่นเสียงในช่วงความถี่ 85Hz-20,000Hz และชิพ Avnera AV3102 ที่ช่วยปรับโทนเสียงให้สมดุล โดยมี Output 3W x 2 (4 onm, THD < 1%) และความจุแบตเตอรี่ที่อยู่ได้นานถึง 8 ชั่วโมง
ผู้ที่ใช้จริงรีวิวไว้ว่า รุ่นนี้เล่นเสียงกลางและสูงได้ดี ส่วนเบสแม้จะไม่ได้หนักแน่นมากแต่ก็ชัดเจน เหมาะกับการเล่นในห้องที่มีขนาดไม่ใหญ่ มีข้อเสียเล็ก ๆ น้อยคือ ตัวจับสัญญาณบลูทูธจะทำงานได้ไม่ดีนักเมื่อระยะไกลออกไป
อีกหนึ่งแบรนด์ที่ค่อนข้างเป็นที่นิยม โดยรุ่นนี้เชื่อมต่อผ่านบลูทูธ เวอร์ชั่น 2.1+EDR (A2DP) (รองรับการฟังเพลงแบบ Stereo) ซึ่งสามารถเล่นความถี่เสียงได้ตั้งแต่ 70Hz-18,000Hz ด้วยความคมชัด 2.0 Stereo และ SNR 60 db มาพร้อมไมโครโฟน จึงสามารถใช้สนทนาโทรศัพท์ได้ นอกจากนี้แบตเตอรี่ยังมีความจุถึง 2,200 mAh และมี Output 6W ทำให้ใช้ได้นานหลายชั่วโมง
หลายคนที่ใช้ค่อนข้างชอบเพราะเสียงเบสหนักแน่นในระดับหนึ่ง แต่ไม่ถึงขั้นใสมากนะคะ เหมาะกับการฟังในห้องนอน นอกจากนี้วัสดุค่อนข้างแข็งแรงและคงทน ที่สำคัญมาในราคาที่ถูกกว่าหลาย ๆ ยี่ห้อด้วย
เกร็ดน่ารู้ : ค่า SNR ยิ่งสูงสัญญาณรบกวนก็จะยิ่งน้อย
อีกหนึ่งรุ่นจาก Kingone ที่ได้รับความนิยมสูง ด้วยการเชื่อมต่อแบบบลูทูธ 2.1+EDR จึงครอบคลุมแทบทุกอุปกรณ์ อีกทั้งยังมีช่อง Line In (Audio) ขนาด 3.5 มม. สำหรับเชื่อมต่อกับเครื่องเล่นชนิดอื่น ๆ และช่อง TF Card สำหรับเสียบการ์ด ตัวลำโพงมีดีไซน์เรียบหรูและขนาดกะทัดรัด หนักเพียง 0.5 กก. และมีความจุแบตเตอรี่ 1,000 mAh พร้อมกำลังขับ 6W นอกจากนี้ยังมีย่านความถี่ตั้งแต่ 70Hz -18,000Hz
รุ่นนี้แม้จะมีขนาดเล็กและราคาย่อมเยา แต่หลายคนที่ซื้อไปต่างรีวิวไว้เป็นเสียงเดียวกันว่าเสียงเบสหนักแน่นไม่แพ้ยี่ห้ออื่น อย่างไรก็ตามด้วยรูปทรงลำโพงที่ออกแบบให้เสียงพุ่งออกมาด้านข้างและหน้าเท่านั้น ทำให้ทิศทางการกระจายเสียงค่อนข้างจำกัดไปสักหน่อยค่ะ
อีกหนึ่งรุ่นที่ดีไซน์ออกมาเอาใจคนชอบฟังเพลงนอกสถานที่ เพราะมีขนาดเล็กกะทัดรัด ใช้เทคโนโลยีบลูทูธ 4.1 ในการเชื่อมต่อ มีไมโครโฟนและฟังก์ชัน Noise Cancelling ลดทอนเสียงรบกวนขณะโทรศัพท์ ทำให้การสนทนาของคุณมีประสิทธิภาพมากขึ้น
ผู้ใช้หลายคนรีวิวไว้ว่ามีคุณภาพเสียงค่อนข้างดี เสียงกลางเด่นชัด เสียงเบสพอเหมาะ ส่วนเสียงสูงปลายเสียงจะติดหยาบเล็กน้อย จึงเหมาะกับการฟังเพลงแนวสบาย ๆ หรือ R&B มากกว่า นอกจากนี้แบตเตอรี่ยังอยู่ทนนานประมาณ 5 ชั่วโมง ขึ้นอยู่กับแนวเพลงและความดังขณะเปิดฟัง
ใครที่ชอบเล่นเครื่องเสียงจะต้องรู้จักแบรนด์นี้ เพราะคุณภาพเป็นที่ยอมรับมานาน โดยรุ่นนี้ใช้การเชื่อมต่อผ่านบลูทูธ เวอร์ชั่น 4.1 มาพร้อมย่านความถี่ตั้งแต่ 80Hz – 20kHz และค่า SNR ≥80dB ความจุแบตเตอรี่ 3000 mAh จึงสามารถใช้งานได้อย่างต่อเนื่องยาวนานถึง 10 ชม. นอกจากนี้ยังมีไมโครโฟนและฟังก์ชันที่จะช่วยให้การสนทนาของคุณมีประสิทธิภาพมากขึ้น ที่สำคัญสามารถกันน้ำได้ ไม่หวั่นแม้จะใช้เล่นเพลงระหว่าง Pool Party หรืองานสงกรานต์
สำหรับรีวิวการใช้งาน หลายคนบอกว่าคุณภาพเสียงดี เสียงเบสหนักแน่น เช่นเดียวกับเสียงสูงที่ชัดเจน ส่วนเสียงกลางยังอยู่ในระดับกลาง ๆ นอกจากนี้ลูกเล่นเปลี่ยนสีอยู่ตลอดเวลาของลำโพงยังช่วยสร้างสีสันให้การฟังเพลง เหมาะกับการใช้ในงานปาร์ตี้หรืองานสังสรรค์เป็นอย่างมาก
ถ้าพูดถึงเครื่องเสียง ไม่มีใครไม่รู้จักแบรนด์นี้ค่ะ จึงไม่น่าแปลกใจที่รุ่นนี้จะได้รับความนิยมมากขนาดนี้ โดยมีย่านความถี่เสียง 50Hz–20,000Hz, ค่า SNR 80 dB และกำลังขับลำโพง 60W พร้อมทั้งความจุแบตเตอรี่ 2,600 mAh จึงสามารถใช้งานได้นานถึง 8 ชม. รุ่นใหม่มาพร้อมกับฟังก์ชันใหม่ที่ถูกพัฒนาโดย Harman Kardon อย่าง HK Connect+ ที่ทำให้สามารถเชื่อมต่อลำโพงหลายๆตัวเข้าด้วยกันเป็น Party Mode ได้พร้อมกันมากกว่า 100 ตัว เชื่อมต่อกับอุปกรณ์อื่นผ่านบลูทูธ 4.2 ได้ถึง 2 เครื่องพร้อมกันได้
นอกจากนี้ยังมีไมโครโฟนและฟังก์ชันตัดเสียงรบกวนขณะสนทนาทางโทรศัพท์ หลายคนที่ได้ใช้จริงต่างชื่นชอบในคุณภาพของเสียงเบสที่หนักแน่น เหมาะกับการฟังเพลงแนว EDM, Rock หรือ Hip Hop และวัสดุยังแข็งแรงคุณภาพดี ทำให้คงทน คุ้มค่าแก่การลงทุน
เป็นอย่างไรกันบ้างคะกับบทความในวันนี้ หลายคนคงรู้จักลำโพงไร้สายกันมากขึ้นแล้ว ไอเทมชิ้นนี้ดูเผิน ๆ อาจจะมีวิธีการเลือกที่ไม่ยุ่งยาก แต่ถ้าใครอยากได้ผลิตภัณฑ์คุณภาพดีที่ตอบโจทย์ความต้องการได้มากที่สุด ก็มีหลายสิ่งที่ต้องคำนึงเลยค่ะ เช่น คุณภาพของเสียง, การเชื่อมต่อและคุณสมบัติกันน้ำกันฝุ่น เป็นต้น
เมื่อมีผลิตภัณฑ์ที่ดีและมีคุณภาพไปแล้ว การใช้งานอย่างถูกต้องก็เป็นอีกสิ่งสำคัญที่จะช่วยให้ลำโพงตัวโปรดอยู่กับคุณไปได้นาน โดยเพื่อน ๆ ไม่ควรชาร์จแบตให้เต็มนานจนเกินไปและอย่าลืมเก็บรักษาให้ดี ในพื้นที่ที่ห่างไกลจากความร้อนจัดและความชื้น นอกจากนี้ยังต้องระวังการเปิดเสียงดังเกิน เพราะไม่เพียงแต่จะรบกวนผู้คนรอบข้างเท่านั้นนะคะ แต่อาจเป็นเหตุให้ลำโพงแตกฉับพลันเลยก็ว่าได้ค่ะ